เพชรแต่ละเม็ดนั้นจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
เราจึงต้องพิจารณาคุณสมบัติหลายๆ ด้านประกอบกัน
ซึ่งแต่ละด้านก็จะมีผลต่อความสวยงาม และราคาของเพชร
การเลือกเพชรที่สวยงามนั้นมีปัจจัยหลักๆ ที่ควรพิจารณาอยู่ 4 ประการ
หรือที่เรียกกันว่า Diamond 4C ครับ
ซึ่งแบ่งได้ดังต่อไปนี้ครับ 1. Carat Weight (น้ำหนักเพชร) ขนาดของเพชรถือว่าเป็นปัจจัยที่มีผลต่อราคาเพชรเป็นอย่างมาก เพราะยิ่งเพชรมีขนาดใหญ่ขึ้น ยิ่งมีราคาต่อกะรัตสูงขึ้น ทั้งนี้หากเรามีการกำหนดงบประมาณไว้ก่อนจะช่วยในการตัดสินใจได้ง่ายขึ้นมากครับ 2. Color (สีของเพชร) โดยทั่วไปเพชรที่เราใช้กันจะอยู่ในกลุ่มของเพชรที่มีสีขาว แต่เพชรที่มีสีขาวนั้นก็ยังแบ่งความขาวออกเป็น 23 ขั้น คือตั้งแต่สี D (ขาวที่สุด) ไล่ไปจนถึงสี Z (เหลือง) ซึ่งเพชรขาวที่หายาก และมีคุณค่าสูงสุดคือ เพชรในระดับ ไร้สี (Colorless) คือสี D, E, F หรือที่เรียกว่า เพชรน้ำ 100, 99, 98 ซึ่งจะเป็นเพชรขั้นที่มีสีขาวที่สุด รองลงมาจากระดับนี้คือ เพชรในระดับ เกือบไร้สี (Near Colorless) คือสี G, H, I, J หรือที่เรียกว่า เพชรน้ำ 97, 96, 95, 94 ซึ่งจะเป็นระดับที่มีสีอมเหลืองกว่าระดับไร้สี สำหรับกลุ่มเพชรขาวนั้น เพชรไร้สี D, E, F (น้ำ 100, 99, 98) ถือเป็นเพชรหายาก สวยงาม และเป็นที่ปรารถนามากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออยู่บนเครื่องประดับที่มีสีขาวเช่น ทองคำขาว (White Gold) และทองขาว (Platinum) 3. Cut (การเจียระไน) คือการทำให้เกิดเหลี่ยม และรูปร่างของเพชร ซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยหลักทำให้เพชรเกิดความแวววาวสวยงาม ทั้งนี้การเจียระไนสามารถแบ่งระดับความสวยงามตามมาตรฐาน GIA มี 5 ระดับคือ Excellent, Very Good, Good, Fair, Poor โดยจะมีระบุไว้ในใบรับรองคุณภาพเพชร (Certificate) ที่ออกให้โดยสถาบันอัญมณีศาสตร์ 4. Clarity (ความสะอาดของเพชร) โดยทั่วไปเพชรมักมีสิ่งเจือปน (Inclusion) ซึ่งเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ การกำหนดระดับความสะอาดของเพชรจะกำหนดไว้ 10 ระดับหลักๆ คือตั้งแต่ IF (และ FL), VVS1, VVS2, VS1, VS2, SI1, SI2, I1, I2, I3 ตามลำดับ เพชรที่ยิ่งสะอาดก็จะยิ่งมีราคาสูง แต่ก็อาจไม่ได้มีผลต่อความสวยงามของเพชร เพราะเป็นการจัดระดับด้วยการมองผ่านเลนส์ที่มี กำลังขยาย 10 เท่า ไม่ใช่การดูด้วยตาเปล่า ทั้งนี้เพชรที่มีความสะอาดในระดับที่ไม่มีผลต่อประกายความสวยงามของเพชรคือต้องไม่ต่ำกว่า SI1 โดยต้องไม่มีสิ่งเจือปนที่มีสีครับ ทั้งนี้หากเป็นเพชรที่มีขนาดมากกว่า 0.20 กะรัต (20 สตางค์) การจะทราบรายละเอียดต่างๆ ทั้ง 4Cs ของเพชรแต่ละเม็ดนั้น ควรจะดูจากใบรับรองคุณภาพเพชร (Certificate) ที่ออกให้โดยสถาบันอัญมณีศาสตร์เท่านั้น เช่น GIA, HRD, IGI ฯลฯ (แต่ไม่ใช่ใบรับประกันที่ออกให้โดยร้านค้า) จึงจะทำให้มั่นใจได้ว่าเพชรเม็ดนั้นมีคุณภาพตรงตามที่เราซื้อหรือไม่ หวังว่าทุกท่านคงพอได้ไอเดียในการเลือกเพชรที่สวยถูกใจนะครับ ผู้อ่านท่านใดมีข้อสงสัยอยากสอบถามเพิ่มเติม ส่ง email มาสอบถามผมได้ที่ geleediamond@hotmail.com ยินดีตอบทุกคำถามครับ |
บริษัท เกอเล่ย์อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด |